ยกศูนย์ตรวจสุขภาพหัวใจมาไว้ที่บ้าน ด้วยกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วทุกวัน
โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดมีความถี่ในการเกิดสูงขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย โดยในปี 2016 มีการประมาณตัวเลขของอัตราผู้เสียชีวิตที่เป็นโรคหัวใจคือ 10% ต่อปี และโอกาสในการเป็นโรคนี้ก็สูงขึ้นด้วยสำหรับคนที่อายุมากกว่า 65 ปี ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรที่ในอนาคตประเทศไทยจะมีสัดส่วนคนสูงอายุมากขึ้น โรคหัวใจและหลอดเลือดจึงกลายเป็นประเด็นทางสุขภาพที่ต้องใส่ใจ
ในสหรัฐอเมริการมีการคาดการณ์ตัวเลขผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในอีก 40 ปีข้างหน้า และในจำนวนนี้มากกว่า 80% อาจประสบกับความผิดปกติของหัวใจหรือหลอดเลือดในทางใดทางหนึ่ง จากประเด็นปัญหานี้จึงนำมาสู่วิธีการที่จะช่วยดูแลและลดภาระของรัฐและทำให้คนทั่วไปสามารถจัดการกับสุขภาพหัวใจของตนเองได้อย่างสะดวกและทันท่วงที
การออกแบบการดูแลสุขภาพที่บ้าน
Nicholas Conn และ David Borkholder นักวิจัยจาก Rochester Institute of Technology พบว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลจากแพทย์แล้วแต่อาการทางหัวใจก็ยังย้อนกลับมาเป็นอีกจนต้องกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งในช่วงเวลาหลังการรักษาครั้งแรกไม่ถึง 3 เดือน และสาเหตุขที่สำคัญองปัญหาก็นี้คือการขาดการประเมินและตรวจสอบสภาวะของหัวใจและหลอดเลือดอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการที่ใช้ในการตรวจสอบสุขภาพในปัจจุบันก็ยังคงเป็นปัญหาในตัวของมันเอง เพราะต้องอาศัยการฝังอุปกรณ์ตรวจวัดราคาแพงไว้ในร่างกาย หรือต้องใช้เครื่องมือวัดแบบพกพาที่ใช้งานยุ่งยากซึ่งทำให้มีผู้ป่วยเพียงไม่ถึง 10% ที่ทำได้ต่อเนื่อง Conn และ Borkholder จึงสร้างระบบการตรวจวัดใหม่ที่ชื่อว่า ‘Heart Health Intelligence’ (http://hearthealthintelligence.com/) โดยนำอุปกรณ์ตรวจวัดทั้งหมดฝังลงไปในส่วนสำหรับนั่งของโถส้วม ซึ่งจะตรวจสอบสุขภาพหัวใจได้ด้วยการประเมินความดันเลือด ปริมาณออกซิเจินในเลือด และรูปแบบการเต้นของหัวใจ ผ่านช่วงเวลาสั้นๆ ในการนั่งบนโถส้วม ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์สุขภาพของหัวใจและระบบเลือดได้โดยไม่เพิ่มภาระในการตรวจวัดเพิ่มเติม และยังได้ข้อมูลที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอในทุกๆ วัน
SolidSprout
ออกแบบเพื่อสร้างสรรค์สังคม
Comments